เริ่มแรกนั้น ร้านขายรองเท้ามือสองของเราเป็นเพียงแค่แผงเล็กๆตามตลาดนัดครับ
เราเริ่มจากขายคัทชูและรองเท้าบูทโดยตระเวนเช่าแผงกันตามตลาดนัดในวันเสาร์อาทิตย์ ซึ่งช่วงแรกนั้นเราได้หาสินค้ามาขายโดยเริ่มจากการไปรับตามร้านขายส่งต่างๆตามต่างจังหวัดที่ใกล้ๆเพราะเราไม่ค่อยสะดวกเดินทาง เนื่องจากตอนนั้นในกรุงเทพไม่มีร้านขายส่งรองเท้ามือสองเลย ซึ่งบางที่นั้นสินค้ามีเยอะมาก บางที่ก็มีน้อย ในครั้งแรกเราเคยขอทุกร้านที่จะแกะถุงดูรองเท้าก่อนได้ไหม ซึ่งคำตอบที่ได้จากทุกร้านคือ ไม่ได้เพราะเดี๋ยวสินค้าจะเสียหาย หรือถุงจะขาด บางที่มีมานั่งจ้องกดดันเราก็มี และด้วยที่เราไม่สามารถแกะคัดได้ (ยังไม่รวมถึงร้านที่ไปถ่ายรูปสินค้าที่อื่นหรือก็อปตามเว็บมาลงขาย พอสั่งมาแล้วสินค้าที่ได้ไม่ตรงปกนะครับ) ทำให้สินค้านั้นชำรุดเสียหายค่อนข้างเยอะ เช่น ลอก ขาด หรือแม้แต่การตัดส้น เปลี่ยนพื้น ซึ่งเดิมทีเราคิดว่าการที่ไม่ต้องนั่งคัดก็คงไม่มีปัญหาอะไรแต่มันสำคัญมากครับ เป็นความพลาดครั้งแรกของเรา ที่คิดว่ามองผ่านๆแล้วสวยดีก็เอามาขาย (ผมจะขอกล่าวถึงเรื่องนี้ในบทความต่อไปครับ) จากบทเรียนครั้งแรกนี้ทำให้เราไม่สามารถตั้งราคาได้เท่ากับที่เราคาดหวังไว้ ทำให้เราตัดสินใจขายถูกๆเพื่อให้ได้ทุนคืนและหาวิธีแก้ปัญหาใหม่ ต่อมาเราได้เริ่มไปที่ตลาดโรงเกลือซึ่งตอนแรกคิดว่าเราจะได้ของดีราคาถูกเพราะตอนที่เรากำลังจะซื้อเราเลือกๆดูบนกระสอบหรือในกองแล้วเห็นว่าสวย ทางแม่ค้าที่นั่นก็เสนอราคานับให้เราเป็นการยกกระสอบเอาทุกคู่ตามแต่จะกำหนดว่าต้องการกี่คู่ ซึ่งจะทำให้ไม่ได้คัด แต่เพราะเราคิดว่าเราดูตัวอย่างคร่าวๆแล้วก็โอเคใช้ได้ บวกกับหากเอาราคานับจะทำให้ราคาถูกลงเหลือแค่ไม่กี่บาท แต่คราวนี้งานเข้าครั้งใหญ่ครับ เป็นการพลาดอีกครั้งที่ทำให้เราเกือบจะท้อและเลิกขายไปในที่สุด เมื่อของที่ได้มาเป็นแบบนี้...
บางคู่ไม่มีข้าง บางคู่คนละสี บางคู่คนละไซส์ บางคู่เปลี่ยนพื้น ตัดส้น ซึ่งเรามั่นใจว่าก่อนซื้อเราเลือกกระสอบไม่ผิดแน่นอน เราเอามา100คู่ เสียไปมากกว่า40คู่ ที่เหลือก็พอจะถูไถไปบ้าง ส่วนที่ดีจริงๆมีไม่ถึง30คู่ แล้วเราควรจะทำอย่างไรดีเมื่อเป็นแบบนี้ ผมได้ตัดสินใจกลับไปเพื่อที่จะขอเปลี่ยนอีกครั้ง ยอมแลกด้วยค่าน้ำมันและเสียเวลา เพราะมันไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ ผลที่ได้คือ เปลี่ยนไม่ได้แล้ว เขาบอกว่าเราอาจจะเอาของที่อื่นมาปนรึป่าวก็ไม่รู้ นั่นคือบทเรียนสำคัญที่ทำให้เรารู้ว่า อย่าซื้อของที่เราไม่ได้เห็น ไม่ได้คัดอีกเป็นอันขาด ต่อมาเราก็ได้คิดว่าขอลองอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายหากไม่รุ่งเราก็เลิก รอเรียนจบก็สมัครงานกันไปตามปกติ โดยครั้งนี้เราได้ใช้ต้นทุนที่ค่อนข้างสูง(ราคาคัทชูและบูทของเราเกือบร้อยบาทต่อคู่)แต่ได้คัดซึ่งเราคิดว่าน่าจะคุ้มกว่า ซึ่งจากครั้งนี้เราได้ของที่ค่อนข้างจะโอเคทุกคู่แต่ก็เอามาได้ในปริมาณไม่มากเพราะราคาค่อนข้างสูง เราเริ่มคิดที่จะขยายช่องทางการขายของเราให้มากขึ้นเพื่อที่จะเพิ่มกำไรให้สูงขึ้น
เราได้เริ่มถ่ายรูปลงfanpageขาย บวกกับตั้งแผงหน้าร้าน ผลตอบรับค่อนข้างโอเคมาก เพราะเราได้ลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง ได้สอบถามเกี่ยวกับประเภทสินค้าจากลูกค้าว่าชอบแนวไหน แบบไหน ทำให้ครั้งนี้เราเจาะได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ต่อมาได้เริ่มมีลูกค้าเข้ามาขอติดต่อเป็นตัวแทน และขอซื้อราคาส่งจากร้านของเราเพราะเห็นว่าสินค้าที่เราถ่ายรูปขายนั้นค่อนข้างจะขายดีมาก สภาพโอเค แถมมีลูกค้าจองต่อกันเยอะ จึงสนใจอยากรับไปขายบ้าง(ซึ่งตอนนั้นเรามีstockสินค้าไม่มากนักเพราะเราไม่เคยคิดจะขายส่งมาก่อนเลย)
และเมื่อนานเข้าก็เริ่มมีลูกค้ามาขอซื้อส่งเยอะขึ้น บวกกับการที่เราเริ่มมีทุนพอสมควรเราจึงคิดว่า การที่เราจะต้องเดินทางไปคัดรองเท้ามือสองที่โรงเกลือนั้นค่อนข้างจะไกลมากและเราไม่ค่อยสะดวกเนื่องจากเรายังติดเรียนอยู่มีเวลาว่างแค่ เสาร์-อาทิตย์ แต่เราต้องไปเกือบทุกๆ2อาทิตย์ แล้วคนขายตามตลาดนัดล่ะเขาก็ต้องเดินทางไปถึงที่นั่นกันเท่านั้นหรือ และแล้วจุดเริ่มต้นของร้านขายส่งรองเท้ามือสองกรุงเทพก็มาถึง...เมื่อญาติผมได้บอกผมว่า เพื่อนของเขาเป็นบริษัทผู้นำเข้าสินค้า (ชิปปิ้ง) จากต่างประเทศเพื่อส่งเข้ามาประเทศไทย...ซึ่งแน่นอนผมได้ลองติดต่อเขาทันทีเพื่อแจงรายละเอียด ความเป็นไปได้ ประเภท ปริมาณ เกรดรองเท้าที่ผมคิดว่าเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุดจากการสอบถามลูกค้าต่างๆหลากหลายจังหวัดที่ซื้อรองเท้ามือสองจากในFanpageของเรา
โดยการสั่งเปิดตู้คอนเทนเนอร์นั้นได้ใช้เงินลงทุนที่สูงมากๆ ต้องแลกกับรองเท้ามือสองบางคู่ที่ไม่อาจจะนำมาขายได้ เนื่องจากสภาพย่ำแย่เกินไป(การเปิดตู้ของเราใช้การสั่งเป็นน้ำหนักครับ เป็นธรรมดาที่ต้องมีสินค้าชำรุดจากการขนส่ง)
จากนั้นเราก็จะทำการคัดเลือกรองเท้าที่คิดว่าโอเค โดยสิ่งที่ผมยึดถือที่สุดคือ พื้นจะต้องห้ามตัดห้ามเปลี่ยนเด็ดขาด ต้องเดิมๆเท่านั้น! เมื่อเราคัดจนครบ ก็จะมีของที่เกินเยียวยาเราก็จะขายต่อให้กับพวกพ่อค้าที่มารอซื้อในราคาถูกๆเพื่อเอาไปซ่อมและขายเหมาต่อไป
จากนั้นลูกจ้างที่โกดังของเราก็จะทำการซักน้ำและส่งต่อมาที่ร้านของเรา(ที่กรุงเทพเราไม่สามารถหาคนรับซักรองเท้าได้เลยจริงๆครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันY.Y)
และร้านFootlongshoesก็ได้เกิดขึ้น...
เราเริ่มต้นจากฐานลูกค้าที่มีอยู่ และได้เริ่มมีลูกค้าใหม่ๆจากการเห็นสินค้าที่เราถ่ายรูปขายปลีก มีทั้งลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่เข้ามาตลอด เคยมีช่วงหนึ่งที่รายการMy sme ได้มาถ่ายทำและถามเราว่า เพราะอะไรด้วยระยะเวลาที่ไม่นานเรากลับมีลูกค้าที่หนาแน่นแบบนี้ ... ซึ่งคำถามนี้ทำให้ผมได้ลองคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ผมเคยได้รับจากการไปรับรองเท้ามาขายในช่วงแรกๆ แน่นอนผมบอกได้เลยครับว่า "หากคุณได้ก้าวเข้ามาในร้านFootlongshoesของเรา ผมจะไม่มีกดดันคุณเลย ผมจะเปิดแอร์ให้คุณได้เลือกรองเท้าอย่างสบายๆ ผมจะเทกองรองเท้าที่มีทั้งหมดให้พวกคุณได้เลือกกันอย่างแฟร์ๆ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเก็บจะกั๊กไว้ให้ใคร และสิ่งสำคัญเลยคือ คุณสามารถแกะคัด แกะเช็คได้ทุกคู่ คุ้ยเลือกกันตามสบาย ทุกคู่ที่ผมกองผมได้ทำการคัดเลือกมาแล้วทั้งสิ้น คู่ไหนสภาพไม่ดีหากผมเจอตั้งแต่ของลงจากคอนเทนเนอร์ผมแยกขายให้แม่ค้าที่อรัญในราคาถูกๆ ไม่มาปนขายในร้านแน่นอน แต่หากมีหลุดมาหรือของที่อาจจะเสียหายจากการคุ้ยแกะของลูกค้าท่านอื่น ผมจะแยกไว้บริจาคทั้งหมดครับผม หากเอาไปแล้วขายไม่ได้ท่านจะเอาไปทำไมครับ หากถุงใบไหนขาดเราก็พร้อมจะเปลี่ยนถุงใบใหม่ให้ เราคิดว่าการทำแบบนี้ส่งผลที่ดีต่อลูกค้าของเรากว่าการได้เลือสินค้าจากแพ็คเกจภายนอกครับ ซึ่งท่านเอาไปท่านคงไม่ได้ขายถุงที่ห่อรองเท้า แต่ท่านขายสิ่งที่อยู่ภายในครับ เรายินดีแบกรับต้นทุนที่เกิดจากการชำรุดเสียหายนี้ แลกกับการที่เราได้มีลูกค้าประจำที่ไว้วางใจในสินค้าของเราว่าจะไม่มีของที่มีปัญหาไปขายแน่นอนครับ"
ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นของพวกเราครับผม ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามครับ บทความต่อไปจะเข้าสู่คำแนะนำในการขายรองเท้ามือสองจากประสบการณ์ของเราและการสอบถามลูกค้าของเรานะครับ
http://www.ขายส่งรองเท้ามือสองกรุงเทพ.com
https://www.facebook.com/footlongshoes?ref=hl
หน้าที่เข้าชม | 1,493,849 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,010,442 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 พ.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |